หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

วิทยาศาสตร์

เรื่องที่ 7 สัตว์บก


สัตว์บก

 เป็นสิ่งมีชีวิต ที่เป็นสัตว์เดรัจฉาน มีทั้ง 2ขาและ 4ขาหรือมากกว่านั้น ไม่นับคน จะอาศัยใช้ชีวิตอยู่บนบก ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ ๆ คือ พวกที่ออกลูกเป็นไข่ เช่น ไก่ พวกออกลูกเป็นตัวเช่น แมว สุนัข ช้าง พวกที่มีกระเป๋าหน้าท้องเช่น จิงโจ้ และพวกที่มีรก โดยส่วนใหญ่สัตว์ตัวเมียมีนมให้ลูกกินฃ

วิทยาศาสตร์

เรื่องที่ 6 สัตว์น้ำน่าสะพรึง




หากใครเคยดูหนังแนวไซ-ไฟ ที่มีสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว คงจะเคยคิดว่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้นมีอยู่แค่ในหนัง ไม่มีทางที่จะมีอยู่ในโลกของความเป็นจริงแน่ ๆ แต่อยากจะบอกว่า คุณกำลังคิดผิดถนัดเลยล่ะ เพราะจริง ๆ แล้วสัตว์ประหลาดในหนังเหล่านั้น ก็ล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งมีชีวิตในความเป็นจริงทั้งนั้น และส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นสัตว์น้ำซะด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอรวบรวมสัตว์น้ำหน้าตาประหลาดและน่ากลัว 10 สายพันธุ์มาฝากกัน เชื่อได้เลยว่าหากคุณ ๆ ได้เห็นเจ้าสัตว์น้ำเหล่านี้แล้ว ต้องยอมรับว่ามันน่ากลัวอย่างปฏิเสธกันไม่ได้เลยล่ะ

วิทยาศาสตร์

เรื่องที่ 5 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม



สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม (อังกฤษMammalia) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง โดยคำว่า Mammalia มาจากคำว่า Mamma ที่มีความหมายว่า "หน้าอก" เป็นกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ที่มีการวิวัฒนาการและพัฒนาร่างกายที่ดีหลากหลายประการ รวมทั้งมีระบบประสาทที่เจริญก้าวหน้า สามารถดำรงชีวิตได้ในทุกสภาพสิ่งแวดล้อม[1] มีขนาดของร่างกายและรูปพรรณสัณฐานที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ที่มีการปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะของสายพันธุ์ มีลักษณะเด่นคือมีต่อมน้ำนมที่มีเฉพาะในเพศเมียเท่านั้น เพื่อผลิตน้ำนมเพื่อใช้เลี้ยงลูกวัยแรกเกิด[2] เป็นสัตว์เลือดอุ่น มีขนเป็นเส้น ๆ (hair) หรือขนอ่อน (fur) ปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย เพื่อเป็นการรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ยกเว้นสัตว์น้ำที่ไม่มีขน
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ไม่จัดอยู่ในประเภทสัตว์กลุ่มใหญ่ คือมีจำนวนประชากรประมาณ 4,500 ชนิด ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับนก ที่มีประมาณ 9,200 ชนิด และปลาอีกประมาณ 20,000 ชนิด รวมทั้งแมลงอีกประมาณ 800,000 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นสัตว์บก เช่น สุนัข ช้าง ลิง เสือ สิงโต จิงโจ้ เม่น หนู ฯลฯ สำหรับสัตว์น้ำที่จัดเป็นเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ได้แก่ โลมา วาฬ มานาทีและพะยูน แต่สำหรับสัตว์ปีกประเภทเดียวที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมคือค้างคาว ซึ่งกระรอกบินและบ่างนั้น ไม่จัดอยู่ในประเภทของสัตว์ปีก เนื่องจากใช้ปีกในการร่อนไปได้เพียงแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว ยกเว้นตุ่นปากเป็ดและอีคิดนาเท่านั้นที่ออกลูกเป็นไข่

วิทยาศาสตร์

เรื่องที่ 4 ประโยชน์ของพืช



สามารถรักษาโรคบางชนิดได้ โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งบางชนิดอาจมีราคาแพง และต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก อีกทั้งอาจหาซื้อได้ยากในท้องถิ่นนั้น
  1. ให้ผลการรักษาได้ดีใกล้เคียงกับยาแผนปัจจุบัน และให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้มากกว่าแผนปัจจุบัน
  2. สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นเพราะส่วนใหญ่ได้จากพืชซึ่งมีอยู่ทั่วไปทั้งในเมืองและ ชนบท
  3. มีราคาถูก สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อยาแผนปัจจุบัน ที่ต้องสั่งซื้อจากต่าง ประเทศเป็นการลดการขาดดุลทางการค้า
  4. ใช้เป็นยาบำรุงรักษาให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง
  5. ใช้เป็นอาหารและปลูกเป็นพืชผักสวนครัวได้ เช่น กะเพรา โหระพา ขิง ข่า ตำลึง
  6. ใช้ในการถนอมอาหารเช่น ลูกจันทร์ ดอกจันทร์และกานพลู
  7. ใช้ปรุงแต่ง กลิ่น สี รส ของอาหาร เช่น ลูกจันทร์ ใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหารพวก ขนมปัง เนย ไส้กรอก แฮม เบคอน
  8. สามารถปลูกเป็นไม้ประดับอาคารสถานที่ต่าง ๆ ให้สวยงาม เช่น คูน ชุมเห็ดเทศ
  9. ใช้ปรุงเป็นเครื่องสำอางเพื่อเสริมความงาม เช่น ว่านหางจระเข้ ปรนะคำดีควาย
  10. ใช้เป็นยาฆ่าแมลงในสวนผัก, ผลไม้ เช่น สะเดา ตะไคร้ หอม ยาสูบ
  11. เป็นพืชที่สามารถส่งออกทำรายได้ให้กับประเทศ เช่น กระวาน ขมิ้นชัน เร่ว
  12. เป็นการอนุรักษ์มรดกไทยให้ประชาชนในแต่ละท้องถิ่น รู้จักช่วยตนเองในการ นำพืชสมุนไพรในท้องถิ่นของตนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามแบบแผนโบราณ
  13. ทำให้คนเห็นคุณค่าและกลับมาดำเนินชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติยิ่งขึ้น
  14. ทำให้เกิดความภูมิใจในวัฒนธรรม และคุณค่าของความเป็นไทย

วิทยาศาสตร์


เรื่องที่ 3 สารต่างๆ




  สาร หมายถึง  สิ่งที่มีองค์ประกอบอย่างเดียว  มีสมบัติเฉพาะตัว  ไม่สามารถแบ่งแยก
ให้เป็นส่วนอื่นๆ ที่มีองค์ประกอบและสมบัติต่างไปจากเดิม  เช่น  อากาศ  เกลือ  น้ำตาล  เป็นต้น

วิทยาศาสตร์

เรื่องที่ 2 การปฎิสนธิ


การปฏิสนธิซ้อน (double fertilization) เป็นรูปแบบการปฏิสนธิในพืชซึ่งมีการรวมตัวของนิวเคลียส 2 ครั้ง การปฏิสนธิเริ่มจากการที่ละอองเรณูตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย (stigma) จากนั้นเกิดการงอกของละอองเรณู (pollination) เซลล์ของละอองเรณูยืดตัวลงไปตามก้านชูยอดเกสรตัวเมีย (style) ลงไปจนถึงเกสรตัวเมีย แล้วเข้าไปในรังไข่ (ovary) และเอ็มบริโอแซค ตามลำดับ นิวเคลียสของละอองเรณูอันหนึ่งกับเซลล์ไข่ได้เป็นไซโกต ซึ่งจะเจริญไปเป็นพืชต้นใหม่ อีกนิวเคลียสของละอองเรณูจะรวมกับโพลาร์นิวเคลียสที่อยู่ตรงกลางของเอ็มบริโอ แซค ได้เซลล์ที่มีโครโมโซมเป็น 3n ซึ่งจะเจริญไปเป็นเอ็นโดสเปิร์มในเมล็ด

วิทยาศาสตร์

เรื่องที่ 1 อาการเริ่มของเชื้อ HIV



ต้องยอมรับว่า หนึ่งในโรคติดต่อที่คนรู้จักความน่ากลัวของมันเป็นอย่างดี ก็คือ " โรคเอดส์ " และรู้กันดีว่า "โรคเอดส์" เป็นโรคร้ายแรงที่ยังไม่มีตัวยาใดมารักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยังพบผู้ติดเชื้อ เอดส์ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นจึงทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดเอาวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันเอดส์โลก เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายจากโรคเอดส์นั่นเอง และวันนี้กระปุกดอทคอม ก็ได้นำความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรคเอดส์ มาบอกต่อกันด้วยค่ะ
โรคเอดส์ คืออะไร

          โรคเอดส์ หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส (Human Immunodeficiency Virus :HIV) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า เชื้อเอชไอวี โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันต่ำลง จนร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคได้อีก โรคต่าง ๆ (หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่า โรคฉวยโอกาส) จึงเข้ามาซ้ำเติมได้ง่าย เช่น วัณโรค ปอดบวม ติดเชื้อในระบบโลหิต เชื้อรา ฯลฯ และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด

วิทยาศาสตร์

เรื่องที่ 7 สัตว์บก สัตว์บก  เป็นสิ่งมีชีวิต ที่เป็นสัตว์เดรัจฉาน มีทั้ง 2ขาและ 4ขาหรือมากกว่านั้น ไม่นับคน จะอาศัยใช้ชีวิตอยู่บน...